วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เที่ยวชุมพร ดำน้ำเกาะเต่า

วิว ริมทะเล

วิว ณ ที่ตั้ง พระโพธิสัตว์กวนอิม

เกริ่น/นำเรื่อง         

          และแล้วก็กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปสักพักใหญ่ เนื่องจากงานเข้าค่อนข้างบ่อย และ พยายามเค้นความทรงจำเรื่องที่จะเขียนออกมา...นึกไปนึกมาว่าจะเขียนอะไรดี...พอดีดันไปเจอรูปที่ถ่ายเอาไว้ตอนที่ไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะเต่าใกล้ๆ จังหวัดชุมพร ก็เลยตัดสินใจเอาเรื่องนี้มาเขียนเป็นที่ระลึกสำหรับความทรงจำแห่งวันวาน


เข้าเรื่อง

          ย้อนอดีตไปเมื่อประมาณ ปี 2555 รุ่นพี่อยากเที่ยวทะเลดำน้ำดูปะการัง จึงวางแผนแบบไม่วางแผน (เอ๊ะ!? ยังไง??) เพื่อไปเที่ยวทะเลดำน้ำกัน และ เป้าหมายที่จะไปในครั้งนี้คือ “เกาะเต่า” ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากชุมพรนั่นเอง...

จากที่ดูวันที่ในภาพถ่าย ช่วงวันเวลาแห่งการ ลัลลา รับลมร้อน ดูปะการัง คือช่วงวันที่ 4-7 พ.ค. 2555...เมื่อมีเป้าหมายของการเดินทาง นั่นก็แปลว่า ต้องมีจุดเริ่มต้น และ จุดๆนั้นคือ...”สถานีรถไฟหัวลำโพง”...ถูกต้องแล้ว การเดินทางในครั้งนี้ ได้เลือกเดินทางด้วย รถไฟ เพื่อที่จะดื่มด่ำไปกับวิวและทิวทัศน์ พร้อมๆไปกับการเดินทาง

          ณ วันเดินทาง...

          ตื่นแต่เช้ามุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟหัวลำโพง พอถึงที่นัดหมายก็พบปะกับรุ่นพี่ ไปรับตั๋วรถไฟก่อน แล้วค่อยมานั่งกินโจ๊กอุ่นๆยามเช้าอย่างสบายใจเฉิบอารมณ์ดีแต่เช้าพร้อมเดินทางกันเต็มที่ พอใกล้ได้เวลารถไฟออก ก็เดินไปมองหารถไฟที่ต้องขึ้นกัน โดยรถไฟที่ผู้เขียนได้ขึ้นเพื่อเดินทางไปชุมพรนั้น เป็นรถไฟปรับอากาศ (แอร์เย็นฉ่ำ) หลังจากได้ที่นั่งตามที่ตั๋วระบุไว้ ก็เก็บข้าวของสัมภาระ แล้วก็นั่งเตรียมตัวให้พร้อม รอเวลารถไฟออกเดินทาง





          หลังจากนั่งไปสักระยะ รถไฟก็มีการหยุดรับผู้โดยสารตามสถานีต่างๆตามปกติ ก็ได้เพลิดเพลินไปกับการชมวิวของแต่ละสถานที่ต่างๆไปเรื่อยๆ...จนใกล้เวลาเที่ยง ก็ได้อาหารมารับประทานกัน เป็นอาหารฟรี ซึ่งรวมอยู่ในราคาของตั๋วรถไฟไปแล้ว (ถ้าจำไม่ผิด) อาหารที่ได้มาก็รสชาติใช้ได้ กินหมดอิ่มอร่อยสบายไปอีกมื้อ แต่การนั่งรถไฟแอร์ แถมยังได้ที่นั่งใกล้ๆห้องน้ำ ก็จะลำบากหน่อย ตรงที่กลิ่นอันหอมหวนรัญจวนใจจากห้องน้ำก็จะส่งกลิ่นออกมาได้อย่างเต็มที่ในสภาพรถไฟแอร์เย็นฉ่ำ หน้าต่างปิดหมด กลิ่นจะหายไปได้ก็ต่อเมื่อผู้โดยสารทั้งหลายพร้อมใจช่วยกันสูดหายใจเอาอากาศเหล่านี้เข้าไปนั่นเอง(เอ๊ะยังไง!? >w<a!!! )      

         

            หลังจากนั่งดมกลิ่นนี้ไปได้สักพัก ในที่สุด ก็มาถึงสถานีเป้าหมายของเรา ชุมพร จากนั้นก็เดินมาที่เคาเตอร์เพื่อที่จะซื้อตั๋วขากลับ (วางแผนแบบดีเยี่ยม!!) เพราะตอนแรกซื้อแต่ตั๋วขามา นึกว่าคนเที่ยวน้อย คงจะมีที่ว่างเยอะ เลยจะลองพลีชีพวัดดวงมาหาตั๋วขากลับเอาที่สถานีปลายทาง...แต่...ตั๋วขากลับวันที่ 7 ดันเต็มหมดทุกเวลา! ต้องเป็นวันถัดไปถึงจะมีตั๋ว...เท่านั้นล่ะ มาถึงก็เซอร์ไพรส์กันเลย แต่ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยหาทางเอาทีหลังก็ได้ เดินเอาของไปเก็บที่ Hostel ก่อนดีกว่า


ได้ห้องนอนชั้นบนสุด วิวโอเคใช้ได้เลย มีภาพวาดบนกำแพงด้วย. 
ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม ขนาดไม่ใหญ่มากนัก


มุมเล็กๆบนดาดฟ้า

ภาพ จาก พื้นที่บนดาดฟ้าของ salsa hostel (เบลอเล็กน้อยเพราะลมมันเย็น >.<) 


          Hostel ที่จะพัก ณ วันแรก เดินไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก ชื่อ ว่า Salsa Hostel ที่เลือกพักที่นี่ ก็เพราะตั้งอยู่ในตัวเมือง ดูแล้วน่าจะสะดวกในการหาของกิน  เดินชมอะไรต่างๆ และจะได้เที่ยวในตัวเมืองก่อนด้วย เพราะวันดำน้ำคือวันที่ 6 (วันมะรืน)

พอมาถึงที่ hostel ก็ถามเรื่องการกลับจากชุมพรไปกรุงเทพก่อนเลย และก็โชคดีมากเพราะทาง hostel ก็ได้ช่วยตรวจสอบ และพบว่ายังมีรถทัวร์ที่ว่างอยู่ จึงได้จองรถทัวร์เป็นขากลับในวันที่ 7 เท่านี้ก็สบายใจเรียบร้อย ในความโชคร้ายย่อมมีความโชคดีเสมอ หึหึ จากนั้นก็นำของไปเก็บที่ห้อง...

hostel แห่งนี้เพิ่งจะ renovate มาใหม่ สีสันสวยงาม ห้องดูสะอาดตา ห้องน้ำก็สะอาดแต่อาจจะไม่ใหญ่มาก เป็นห้องน้ำรวม และ มีห้องนั่งเล่นรวมด้วย จากนั้นก็ใช้เวลาที่เหลือ ในการเดินชม และ หาของกินรอบๆบริเวณในตัวเมือง จากนั้นก็อาบน้ำนอนอย่างปกติสุข


           ตื่นเช้ามาก็หาของกิน โดยที่ hostel นั้น จะเป็นแบบ self-service ของกินที่เตรียมให้ ณ ตอนที่ผู้เขียนไปพัก มีประมาณตามภาพที่เห็น กินเสร็จเองล้างเอง เรียบร้อย ตอนนั้นเองก็พบกับพี่เจ้าของที่พักซึ่งเป็นคนชุมพร แล้วก็ได้นั่งคุยกันสักพัก (จำชื่อพี่เขาไม่ได้แล้ว) แล้วพี่เขาก็อาสาพาชมเมืองและสถานที่ต่างๆของชุมพร ที่พี่เขาว่าง อาจจะเป็นเพราะ ช่วงที่ไปเป็นช่วงที่ไม่มีคนมาเที่ยว หรือไม่ก็เป็นช่วงที่ไม่มีคนมาพัก (อาจเพราะยังไม่รู้จักกัน) เพราะว่าตอนที่ผู้เขียนไปถึง บอกตรงๆ ที่ hostel โล่งมาก ไม่มีคนพักเลย...จากนั้นก็รอพี่เขาทำธุระเสร็จ แล้วก็ออกเดินทางไปชมจุดต่างๆของเมืองชุมพรกัน บอกตรงๆ วันนี้ทั้งวันได้เที่ยวแบบ หลายที่ ฟรีมากมาย ไม่ต้องเสียค่าเดินทางกันเลยทีเดียว พี่เขาใจมากกกกก
ชมเต่าน้อยลอยน้ำ 




เห็นเพื่อนว่ายน้ำในสระน้ำ อยากลงไปว่ายด้วยจังเลย (เย้ยยยย >_<!!!)

อนุสรณ์


วิวบนเขา......



             ข้อมูลของแต่ละสถานที่อาจจะมีไม่ค่อยมากเพราะผู้เขียนก็จำรายละเอียดของสถานที่แต่ละสถานที่ไม่ได้มากนัก และสถานที่ที่ไปก็อาจจะไม่ใช่สถานที่ยอดฮิตติดท็อปชารต์ทุกที่ เพราะส่วนมากคนชอบพักริมทะเล เปลี่ยนบรรยากาศในการกินข้าว ปาร์ตี้ สังสรรค์ เฮฮา มากกว่า...พอพลบค่ำพี่เขาก็ไปส่งที่ MT Resort ซึ่งเป็นที่พักใกล้กับท่าเรือที่เราต้องขึ้นในตอนเช้าเพื่อที่จะไปดำน้ำที่เกาะเต่ากัน...พอถึงตอนเช้าก็ขึ้นเรือออกเดินทางไปยังเกาะเต่าเพื่อที่จะไปดำน้ำกัน หลังจากนี้ไม่ค่อยมีรูป เพราะระหว่างนั่งอยู่บนเรือก็ไม่มีวิวอะไรให้ถ่ายรูปมากนัก รอบๆตัวมีแต่ทะเล กว้างใหญ่ ก็เลยได้แต่นั่งชมทะเล รับลมทะเลตีหน้าอย่างสบายใจเฉิบไปเรื่อยๆ จนไปถึงเกาะเต่าในที่สุด


รูปบนเกาะเต่า มีแค่รูปเดียว...(ลืมถ่ายมาครับ)

          หลังจากถึงเกาะเต่า ก็ได้รอเรือที่จะพาไปจุดดำน้ำ ซึ่งเรือที่นั่งมาตอนแรกเป็นเรือข้ามเกาะค่อนข้างใหญ่ขนคนมาเยอะ มีทั้งส่วนที่นั่งแบบห้องแอร์และที่นั่งข้างนอกรับลมทะเล ส่วนเรือที่จะขึ้นเพื่อไปดำน้ำเป็นเรือขนคนขนาดย่อม มี 1 ชั้น ที่นั่งเปิดกว้าง เก้าอี้ตั้งเรียงกันเหมือนแบบในห้องเรียนหรือโรงอาหารนั่นเอง พอขึ้นเรือแล้วเดินทางไปจุดดำน้ำ คนก็เริ่มรุมแย่งเสื้อชูชีพกันอย่างขะมักเขม้น ผู้เขียนก็ยืมดูคนรุมแย่งกันอย่างสนุกสนาน จนสุดท้ายเหลือแต่เสื้อชูชีพแบบสภาพไม่ค่อยจะดี ก็หยิบมาใส่แล้วก็ลงไปดำน้ำตามนั้น...ทะเลน้ำใสมาก ดำน้ำดูปลา ดูปะการัง ดูเม่นดำ(ขนหนามยาวมาก) ดำไปดำมาเพลินๆ ก็ได้เวลาเรียกรวมตัวเพื่อขึ้นเรือเตรียมตัวกลับเกาะเต่า หลังจากนั้น ก็ขึ้นเรือข้ามฟากกลับมายังชุมพรเหมือนเดิม...วันนี้ ทั้งวันหมดเวลาไปกับการเดินทางทางทะเลซะส่วนใหญ่ จากนั้น ก็กลับมาพักที่ salsa hostel อีกครั้งเพื่อที่พรุ่งนี้ตอนเช้าก็จะได้ขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพได้ใกล้ๆหน่อย (แต่ผู้เขียนจำไม่ได้ว่ากลับมาที่ตัวเมืองชุมพรด้วยวิธีไหน ฮ่าๆๆๆๆ)



หาดทุ่งวัวแล่น 

          พอตอนเช้ามาก็ได้แวะไปชมหาดทุ่งวัวแล่น เดินชมหาดที่ไม่ค่อยมีคน ซึ่งแดดร้อนมากกกกก โดยบริเวณหาดก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก ดูโล่งๆ แทบจะไม่มีคน อาจเป็นเพราะในช่วงนี้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมากนัก หรืออาจจะไปเที่ยวที่หาดอื่นซะมากกว่า หลังจากนั้นก็รีบกลับมาขึ้นรถทัวร์เพื่อกลับกรุงเทพ ก่อนจะขึ้นรถเหลือบไปเห็นกล้วยเล็บมือนางอบน้ำผึ้งขายอยู่ ก็เลยลองซื้อ ติดไม้ติดมือมาด้วย โดยช่วงเวลาที่ขึ้นรถน่าจะเป็นช่วงกลางวัน พอถึงกรุงเทพ(ที่สถานีหมอชิต)ก็พลบค่ำพอดี จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้านไปตามระเบียบ โดยขากลับที่สถานีขนส่งหมอชิตคนเยอะมาก คนรอแท็กซี่ตรึม ผู้เขียนเลยไปขึ้นมอไซค์รับจ้างแทน โดนไป 100 บาท เพื่อไปต่อรถ mrt บางซื่อ ซึ่งไม่รู้ว่าราคานี้ปกติหรือเปล่า? เพราะไม่ได้มีติดป้ายราคาอะไรเลย แต่ก็ต้องยอมจำใจจัดไป ถ้าโดนโกงนี่ก็คงจะฟินมากกกก...และแล้วก็จบการเดินทางแบบเรื่อยเปื่อยมั่วๆ(แต่คุ้มค่ากับประสบการณ์)แต่เพียงเท่านี้จร้า



ความเห็นส่วนตัว

          การไปเที่ยวในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเตรียมตัวไปเที่ยวแบบกระชั้นชิด การวางแผนการเดินทางทั้งขาไปและขากลับ ซึ่งไม่ควรลองพลีชีพ เดาสุ่ม ไม่คิดหน้าคิดหลัง หรือไปตายเอาดาบหน้าอย่างเด็ดขาด ซึ่งในคราวนี้ ถือว่าผู้เขียนโชคดีมากที่ยังไม่ได้เจอเหตุการณ์คาดไม่ถึงแบบแก้ไขไม่ได้ และโชคดีมากที่ Salsa Hostel สภาพดีกว่าที่คาด บวกกับได้เจอกับพี่ผู้ดูแลพวกเราอย่างดี แฟร์ๆ ตรงไปตรงมา...ทำให้รู้ว่าคนดีมีน้ำใจมีอยู่ทุกที่ แล้วแต่โชคชะตาจะนำพาว่าจะเจอกันหรือเปล่า? ถ้ามัวแต่อยู่ที่เดิมไม่ออกไปไหน แล้วเราจะพบเจอกับคนเหล่านี้ได้อย่างไร...แล้วคุณล่ะ? พบเจอสิ่งที่มองหาแล้วหรือยัง? ถ้ายัง แล้วคุณพร้อมที่จะก้าวเท้าเดินออกไปหรือยัง?...การไปเที่ยวบางครั้งมันก็ต้องมีลุยๆหลงๆบ้าง เผื่อพบเห็นสถานที่ใหม่ๆแปลกๆ เจอผู้คนหลากหลายแบบ...การเที่ยวพักผ่อนของหลายคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบเที่ยวเพื่อเปลี่ยนที่กินข้าว ซึมซับบรรยากาศสบายๆ ชิวๆ สังสรรค์ เฮฮา บางคนชอบ ท้าทาย ค้นหาพบเจอ สถานที่ใหม่ๆ รสชาติชีวิตหลากหลาย ก็แล้วแต่บุคคลกันไป... สุดท้ายนี้ ก็อย่าลืมหาเวลาไปเที่ยวกันนะครับ อย่ามัวแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน จนสภาพร่างกายไม่ไหวกันไปก่อน แม้ว่าตอนนี้ผู้เขียนจะงานเข้าบ่อยก็ตาม 5555 แต่จะหาเวลาลัลลาเรื่อยเปื่อยต่อไปจร้า...

          ปล. รูปทุกรูปถ่ายเอง มิได้มีการตกแต่งใดๆเพราะแต่งภาพไม่เป็น มีแค่รวมร่างภาพเข้าด้วยกันเท่านั้น อาจจะไม่สวยมากแบบเว่อร์ ฟรุ้งฟริ้ง แต่คือภาพจริง สถานที่จริง ตามสภาพจริง มิได้ปรุงแต่งเพิ่มเติมเพื่อการโฆษณา ชักชวน อาจจะมีภาพไม่สวย ไม่ถูกใจ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้


**********************************


            ถ้าใครได้เฉียดหรือหลงเข้ามาอ่านแล้วรู้สึกว่าได้อะไรกลับไปบ้าง ไม่ว่าจะความสนุก ความแปลกใจ หรือความรู้...ถ้าได้กลับไปสักนิด ผู้เขียนก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งแล้วครับผม

            ผมยังคงเป็นมือใหม่ในการเขียนบล็อกอยู่ ขอฝากเนื้อฝากตัวและขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมบล็อกนี้ ถ้าหากมีข้อผิดพลาดอะไรตรงไหนก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ แล้วจะเป็นความกรุณาอย่างมาก ถ้าผู้อ่านจะช่วยชี้แจงเพิ่มเติมครับ

            ถ้าหากมีผู้สนใจที่จะแชร์หรือแบ่งปันข้อมูลเนื้อหาไม่ว่าทางใดก็สามารถนำไปได้ พร้อมให้เครดิตชื่อบล็อกนี้สักเล็กด้วยนะครับ ขอบคุณคร้าบบบบ



หมายเหตุ : เรื่องราวข้างต้น เป็นการเขียนเรื่องที่ประสบพบเจอโดยตัวเจ้าของบล็อกเอง การเขียนเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อทางธุรกิจแต่อย่างใด และมิได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับใคร ทั้งความรู้สึก ความนึกคิด และความเห็นนั้น เป็นสิ่งที่ได้รับในช่วงระยะเวลานั้นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่แต่คนละมีความรู้สึกนึกคิดต่างกัน อยากให้ท่านผู้อ่านใช้วิจารณญานในการอ่านและการตัดสินใจ จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอบคุณคร้าบบบบ


**********************************